ข่าวสารและโปรโมชั่น

ใครที่กำลังมีแพลนจะขายโทรศัพท์เก่าเชิญทางนี้ วันนี้เรามาพร้อมกับเคล็ดลับดี ๆ ในการดูแลรักษา iPhone ให้ดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถใช้โทรศัพท์ได้อย่างยาวนาน แถมยังช่วยให้ขายได้ราคาดีอีกด้วย บอกเลยว่าเคล็ดลับนี้สามารถใช้ได้กับสินค้า Apple ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad หรือแม้กระทั่ง Apple Watch มาดูกันเลย!

7 วิธีดูแลรักษาสินค้า Apple ให้เหมือนใหม่ ขายเมื่อไหร่ก็ได้ราคาสูง!

เชื่อว่าปัญหาแบตเตอรี่นั้น เป็นปัญหาที่คนใช้โทรศัพท์หลายคนต้องเจอ เพราะในปัจจุบันนี้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นหนึ่งในไอเทมสำคัญที่เราต้องใช้งานกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะใช้ในการสื่อสาร, ท่อง Social Media, เล่นเกม ตลอดจนใช้ในการเรียนและทำงานออนไลน์ ยิ่งเราใช้บ่อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่มากเท่านั้น และยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เราขาย iPhone ได้ราคาไม่ดีเท่าที่ควรอีกด้วย ดังนั้น การดูแลรักษาแบตเตอรี่ จึงถือเป็นหนึ่งในเรื่องพื้นฐานที่เราไม่ควรมองข้าม โดยการพยายามเลือกใช้สายชาร์จที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน, หลีกเลี่ยงการชาร์จไปเล่นไป และหากเป็นไปได้ ไม่ควรชาร์จโทรศัพท์ค้างคืน เพราะอาจเกิดอันตรายจากความร้อนสะสมได้

ใครที่มักจะเผลอใช้โทรศัพท์จนแบตฯ หมดอยู่บ่อย ๆ บอกเลยว่าต้องเปลี่ยนพฤติกรรมโดยด่วน! เพราะการที่ปล่อยให้แบตเตอรี่เหลือน้อยจนใกล้หมดนั้นจะทำให้อายุของแบตเตอรี่สั้นลง ส่งผลต่อการทำงานของตัวเครื่อง และสุดท้ายแล้วก็อาจทำให้เปิดเครื่องไม่ติดถาวรได้เลยทีเดียว ซึ่งการดูแลรักษาที่ถูกต้องก็คือ คอยระวังไม่ให้แบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 40% บ่อย ๆ หากพบว่าแบตฯ เริ่มลดต่ำเมื่อไหร่ ควรหยุดพักและชาร์จให้ถึง 80% ก่อนนำมาใช้

รู้หรือไม่? แม้แต่ฝุ่นเล็ก ๆ ที่เราแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า อาจทำร้ายโทรศัพท์มือถือได้มากกว่าที่คิด! เพราะเมื่อฝุ่นละอองสะสมอยู่ในเคสโทรศัพท์เป็นเวลานาน ๆ จะเกิดการเสียดสี และทำให้เกิดรอยขีดข่วนที่ไม่สามารถเช็ดออกได้ โดยเฉพาะใครที่ไม่เคยถอดเคสออกมาทำความสะอาดเลย เมื่อรู้ตัวอีกที โทรศัพท์มือถือของเราก็อาจมีรอยเต็มไปหมด แน่นอนว่าร่องรอยเหล่านี้อาจทำให้การขาย iPhone หรือขาย iPad กลายเป็นเรื่องยาก ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือ การถอดเคสออกมาเช็ดและทำความสะอาดเป็นประจำ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยให้โทรศัพท์ของเราดูสวยเหมือนใหม่ ไร้รอยขีดข่วนกวนใจ

4. อัปเดต iOS ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

การอัปเดต iOS ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดนั้นสำคัญมากสำหรับผู้ที่เป็นสาวกสินค้า Apple เพราะทุกครั้งที่อัปเดต ก็เปรียบเสมือนการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับตัวเครื่อง แม้จะเป็นการอัปเดตเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการเพิ่มลูกเล่น ก็ล้วนช่วยให้เราสามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้อย่างคุ้มค่า นอกจากนี้ ยังเป็นวิธีที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน ให้เราหมดกังวลกับภัยไซเบอร์ไปได้เลย

5. ปิดการทำงานที่ไม่จำเป็น เช่น WiFi, Bluetooth, แจ้งเตือนต่าง ๆ

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า บรรดาการแจ้งเตือนและระบบการทำงานขั้นพื้นฐานต่าง ๆ ของตัวเครื่องอย่าง WiFi และ Bluetooth บางครั้งก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้แบตฯ หมดไวได้เช่นเดียวกัน เพราะการเปิดระบบเหล่านี้จะทำให้เครื่องต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา อย่างที่เราอาจรู้สึกได้ว่า ถึงแม้จะใช้ไปไม่นาน แต่อยู่ ๆ เครื่องก็ร้อนผิดปกติ แนะนำว่าหากเมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่ได้ใช้งานระบบเหล่านี้ หรือแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันใดที่ไม่จำเป็นมากนัก ก็สามารถปิดเอาไว้ได้เลย

6. ติดฟิล์มกันรอย

การติดฟิล์มกันรอย ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลรักษา iPhone ที่เราควรให้ความสำคัญ ซึ่งแนะนำว่าควรลงทุนกับการติดฟิล์มที่มีคุณภาพ เพราะฟิล์มที่ราคาสูง ก็ย่อมมาพร้อมกับประสิทธิภาพในการป้องกันรอยขีดข่วนและรองรับแรงกระแทกได้มากกว่า เชื่อว่าจะช่วยให้เราขาย iPhone และขาย iPad ได้ราคาดีไม่มีตกแน่นอน

7. รักษาอุณหภูมิของเครื่อง

อุณหภูมิที่ร้อนเกินไป เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้โทรศัพท์มือถือทำงานได้ช้าลง และยังส่งผลต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ในระยะยาวอาจทำให้โทรศัพท์เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร ซึ่งวิธีแก้ก็คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่าเครื่องเริ่มร้อน ให้หยุดพักทันที, หมั่นปิดแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็น, ใช้สายชาร์จที่ได้มาตรฐาน รวมถึงการไม่วางโทรศัพท์ทิ้งไว้ในรถ หรือในจุดที่อุณหภูมิสูงกว่าปกติ

นอกจากเคล็ดลับการดูแลรักษาโทรศัพท์มือถือและสินค้า Apple ที่เรานำมาฝากกันนี้ หากใครที่อยากขายไอโฟนให้ได้ราคาดี ต้องขายที่ YelloBe เท่านั้น! การันตีให้ราคาสูงสุด ประเมินราคาไวใน 1 นาที แถมมีบริการรับซื้อด่วนถึงที่ ภายใน 1 ชม. ฟรี! ค่าบริการ ไม่ว่าจะเป็น iPad, iPhone, Apple Watch, Apple Pencil, Airpod หรือ Macbook เราก็รับซื้อ ประเมินราคาออนไลน์ได้เลยทันที หรือติดต่อเราได้ที่ โทรศัพท์ 098-950-9222